ตำรวจเมืองอุบลฯ ระดมกำลังเร่งติดตามตัว "คนงานก่อสร้างหื่น" ลวง ด.ญ.วัย 13 ปี ขืนใจในบ้านร้าง แล้วพาไปปล่อยหน้าแคมป์ก่อสร้างในซอยกลางเมืองอุบลฯ เหยื่อเผยเพิ่งมาอยู่ได้เพียง 3 วัน ผู้ก่อเหตุพักหอเดียวกัน ก่อนเข้ามาตีสนิท อ้างจะพาไปซื้อของขวัญวันเกิด และพาไปหาแม่ที่ไซต์ก่อสร้าง ก่อนลงมือก่อเหตุ
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 66 ร.ต.อ.พรชัย แจ่มเชื้อ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุบลราชธานี รับแจ้งเหตุเด็กหญิง 13 ปี ถูกข่มขืน ภายในซอยเทคโน ต.ขามใหญ่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สายตรวจ 191
ที่เกิดเหตุพบ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี ยืนร้องไห้อยู่กับ นางบี (นามสมมติ) มารดา อยู่ในแคมป์คนงานก่อสร้างกลางซอย จากการสอบถาม ด.ญ.เอให้การว่า ถูกนายแก่น (นามสมมติ) อายุประมาณ 40 ปี ใส่เสื้อแขนสั้นสีเทา นุ่งกางเกงยีนส์ขายาวขาดเข่า มีรอยสักเต็มตัว เป็นชาวจังหวัดศรีสะเกษ และเป็นคนงานก่อสร้างที่พักอยู่หอเดียวกัน ลวงไปข่มขืนในตึกร้างแห่งหนึ่งซึ่งจำไม่ได้ว่าเป็นจุดใด จากนั้นก็นำมาปล่อยไว้ใกล้ไซต์งานก่อสร้างที่แม่ทำงานอยู่
"ตนเพิ่งมาอยู่ที่หอพักแห่งนี้ได้เพียง 3 วัน พบกับนายแก่นซึ่งเป็นคนงานก่อสร้างที่เดียวกับแม่ โดยห้องพักของนายแก่นห่างกับห้องพักตนไปเพียง 4 ห้อง แต่วันนี้นายแก่นไม่ได้ไปทำงาน และเข้ามาตีสนิทกับตนบอกว่าจะพาไปซื้อของขวัญวันเกิด เพราะวันนี้เป็นวันเกิดตนและจะพาไปหาแม่ แต่นายแก่นกลับพาไปข่มขืนที่บ้านร้างหลังสีส้ม แล้วนำมาปล่อยไว้จุดดังกล่าว" ด.ญ.เอ ให้การกับเจ้าหน้าที่
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุแจ้งตำหนิรูปพรรณ นายแก่น (ผู้ก่อเหตุ) ไปยัง สภ.ใกล้เคียง เพื่อสกัดจับแต่ยังไร้วี่แวว จากนั้นได้นำตัว ด.ญ.เอ ย้อนกลับไปตามเส้นทางที่ผู้ก่อเหตุพาไปกระทำชำเรา แต่ยังไม่พบจุดเกิดเหตุ เพราะ ด.ญ.เอ เพิ่งมาอยู่ในพื้นที่ได้เพียง 3 วัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงส่งตัว ด.ญ.เอ ไปตรวจร่างกาย ที่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี และประสานบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มารับตัวไปดูแลทางด้านจิตใจ หลังจากนี้จะประสานเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพมาร่วมสอบปากคำต่อไป ส่วนประเด็นการถูกข่มขืนหรือไม่นั้น ต้องรอผลการตรวจจากแพทย์อีกครั้ง ส่วนผู้ก่อเหตุนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังออกตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าจะหลบหนีแล้ว นอกจากนี้ยังส่งตำรวจชุดสืบสวนไปตรวจสอบบ้านพักผู้ก่อเหตุในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ แต่ยังไม่พบตัว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป